วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

นายกแปดริ้ว ชวนส่งภาพประกวด  หัวข้อ “ประเพณีงาม น้ำใจดี คือวิถีของชาวแปดริ้ว”

นายกแปดริ้ว ชวนส่งภาพประกวด
หัวข้อ “ประเพณีงาม น้ำใจดี คือวิถีของชาวแปดริ้ว”
ชิงเงินรางวัลกว่า 250,000 บาท พร้อมโล่รางวัล และรางวัลแจ๊คพ็อตกล้อง canon รุ่น 600 D+18-55 IS ไม่จำกัดจำนวนภาพ ส่งมากมีสิทธิ์มาก ไม่เสียค่าสมัคร ภาพที่เข้ารอบจะนำไปจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายในงาน ลอยกระทง ย้อนเวลา หาวิถีไทย







นายกลยุทธ ฉายแสง นายกเทศมนตรีเมืองฉะเชิงเทรา ขอเชิญชวนประชาชนร่วมถ่ายภาพความงดงาม ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา เพื่อส่งภาพเข้าร่วมประกวดในนิทรรศการภาพถ่าย หัวข้อ “ประเพณีงาม น้ำใจดี คือวิถีของชาวแปดริ้ว” ชิงเงินรางวัลกว่า 250,000 บาท โดยแบ่งเป็น

รางวัลชนะเลิศ เงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมโล่รางวัล
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมโล่รางวัล
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 20,000 บาท พร้อมโล่รางวัล
รางวัลชมเชย 30 รางวัล ๆ ละ 5,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
และรางวัล แจ๊คพ็อตสำหรับผู้ที่ได้รับรางวัล ตั้งแต่ 3 ภาพขึ้นไป จะได้รับกล้องถ่ายภาพ
canon รุ่น 600 D+18-55 IS






สำหรับกติกา การส่งภาพเข้าประกวด มีดังนี้
1. ประชาชนคนไทยทั่วไป ไม่จำกัดเพศ – อายุ
2. ภาพที่ส่งเป็นภาพสี – ขาวดำ ขนาด 12 x 18 นิ้ว จากต้นฉบับที่เป็น ฟิล์มสี – ฟิล์มสไลด์ หรือจากไฟล์ ดิจิตอลที่มีความละเอียด 6 ล้านพิกเซลขึ้นไป (FILE TIFF หรือ JPEG ) ความละเอียดไม่ต่ำกว่า 300 DPI บันทึกลงแผ่น CD หรือ ฟิล์มต้นฉบับที่ส่งภาพเข้าประกวดแนบมาด้วย (1 ต้นฉบับต่อ 1 ผลงาน)              3. ไม่จำกัดจำนวน ส่งมากมีสิทธิ์มาก และไม่เสียค่าสมัครใดๆ
4. ภาพที่ส่งเข้าประกวดต้องติดฟิวเจอร์บอดร์ดสีดำ กำหนดให้เหลือขอบโดยรอบด้านละ 2 นิ้ว พร้อมระบุ ชื่อภาพ สถานที่ ไว้ด้านหน้าของภาพ ส่วนชื่อผู้ถ่ายภาพที่อยู่เบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้ไว้ด้าน หลังภาพเท่านั้น ( เพื่อความสะดวกในการตัดสินภาพ เพราะขณะตัดสินกรรมการไม่มีสิทธิ์พลิกภาพ เพื่อดูชื่อผู้ส่งประกวดได้)
5. ผู้จัดประกวดมีสิทธิ์ในการเผยแพร่ภาพทุกภาพที่ส่งเข้าประกวดได้โดยมิต้องจ่ายค่าตอบแทนใดๆ (ซึ่งผู้จัดต้องทำการจัดนิทรรศการและ นำภาพไปประกอบใช้งานในกิจกรรมของเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา)
6. การตัดสินเป็นอันสิ้นสุดตามหลักสากล และนักถ่ายภาพต้องยินยอมปฏิบัติตามกฎกติกาข้างต้นทุกประการ

สนใจส่งภาพประกวดได้ที่ 
กองการศึกษา ชั้น 3 อาคารเฉลิมพระเกียรติ เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา หรือส่งทางไปรษณีย์ได้ที่ สำนักงานเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา
เลขที่ 1 ถนนจุลละนันทน์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา 24000
ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 28 กันยายน 2554 ตัดสินภาพวันที่ 6 ตุลาคม 2554
ประกาศผลการตัดสินภาพ วันที่ 11 ตุลาคม 2554
ทุกภาพที่เข้ารอบจะนำไปจัดนิทรรศการภาพถ่ายเมืองแปดริ้ว ในงานลอยกระทง ย้อนเวลา หาวิถีไทย ระหว่างวันที่ 9-10 พฤศจิกายน 2554 ณ สวนมรุพงษ์ ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0-3851-1027 , 0-3881-4338 ต่อ 151-152 ในวัน เวลาราชการ


ททท. ร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) จัดนำเที่ยว 6 เส้นทางเที่ยวหนือ สืบสานโค



                   ททท. ร่วมกับ สทน. จัดงานเที่ยวเมืองไทย สบายกระเป๋า 15-18 กันยายน 54 นี้


 ททท. ร่วมกับ สทน. จัดงานเที่ยวเมืองไทย สบายกระเป๋า ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ วันที่ 15-18 กันยายน 54 นี้


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) โดยความร่วมมือ ธนาคารสกิกรไทย  สหพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย (FETTA) สมาคมท่องเที่ยวส่วนกลางและสมาคมท่องเที่ยวส่วนภูมิภาค จัดงาน “เที่ยวเมืองไทย สบายกระเป๋า ครั้งที่ 3” ระหว่างวันที่ 15-18 กันยายน 2554 โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมกว่า 300 บูธ การจัดงานในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมการขายสินค้าด้านการท่องเที่ยวในประเทศในช่วงปลายปี 2554 ไปจนถึงต้นปีหน้า โดยมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วไทย ร่วมเสนอขายสินค้าท่องเที่ยวระดับคุณภาพ จำนวน 375 คูหา อาทิ บริษัท นำเที่ยว สายการบินภายในประเทศ โรงแรม รีสอร์ท สนามกอล์ฟ เรือ ภัตตาคาร รถเช่า แหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมท่องเที่ยว อุปกรณ์การท่องเที่ยว ร้านค้าของฝาก และของที่ระลึกต่างๆ
                                                            
                             ททท. ร่วมกับ Google พัฒนาระบบเอื้อการท่องเที่ยว ด้วย                                                                             Google Map + Street View (แผนที่กับสตรีทวิว)


                                                





ททท. ร่วมกับ Google ประเทศไทย นำเสนอนวัตกรรมที่เชื่อว่าจะพลิกโฉมประสบการณ์การสัมผัสถึงสถานที่ท่องเที่ยวและวัฒนธรรมไทย โดยอาศัยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีและรถยนต์ที่ออกแบบเป็นพิเศษและติดตั้งอุปกรณ์ถ่ายภาพในโครงการ แผนที่ Googleกับสตรีทวิว พร้อมที่จะบันทึกภาพท้องถนนและสถานที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้ และเปิดโอกาสให้ชาวไทยได้ร่วมเสนอสถานที่ท่องเที่ยวในแต่ละภูมิภาค
“สตรีทวิว” เป็นฟีเจอร์ยอดนิยมบน  แผนที่ Google ซึ่งเปิดให้บริการแล้วในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ด้วยฟีเจอร์นี้ ผู้ใช้สามารถสำรวจตรวจสอบพื้นที่ตามจุดต่าง ๆ โดยอาศัยภาพพาโนรามาในระดับถนน และในประเทศที่มีสตรีทวิวแล้ว ยังเปิดให้บริการบน แผนที่ Google สำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น โทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน อีกด้วย ผู้ใช้จะสามารถดูภาพถ่ายในระดับถนนได้ด้วยการซูมเข้าไปที่ระดับใกล้ที่สุดบนแผนที่ของ Google หรือลากไอค่อนตุ๊กตา "Pegman" สีส้ม ทางด้านซ้ายของแผนที่ ไปยังถนนที่เป็นเส้นไฮไลต์สีฟ้า
สำหรับกิจกรรมในครั้งนี้ เริ่มต้นโดยการจัดขบวนรถยนต์ พร้อมติดตั้งกล้องถ่ายภาพพิเศษ ของ Google วิ่งออกตระเวนไปตามถนนสายต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ และภูมิภาคอื่น ๆ ในประเทศไทย และบันทึกภาพสถานที่ตลอดเส้นทางเป็นระยะเวลาประมาณ 2 - 3 ปี เพื่อให้มีภาพแผนที่กับสตรีทวิวครอบคลุมเมืองไทย โดยภาพเหล่านี้จะได้รับการเผยแพร่ในอนาคตภายใต้ตัวเลือก สตรีทวิวบน Google
Google มีความมุ่งมั่นที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวใน Google แผนที่กับสตรีทวิวอย่างเต็มที่และเข้มงวดโดยไม่ลดคุณประโยชน์ที่ผู้ใช้ได้รับจากฟีเจอร์ดังกล่าว Google จึงได้พัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูง ที่สามารถทำภาพเบลอที่ใบหน้าของบุคคลและป้ายทะเบียนรถยนต์ เพื่อไม่ให้ลุกล้ำความเป็นส่วนตัว นอกจากนั้นผู้ใช้ยังสามารถแจ้งให้ Google ทำภาพเบลอเพิ่มเติมในตำแหน่งที่เหมาะสมได้อีกด้วย  แผนที่ Google กับสตรีทวิว ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องตามกฎหมายท้องถิ่นทั้งหมด รวมถึงกฎหมายด้านความมั่นคงและความปลอดภัยในเมืองไทย
 
นอกจากการเริ่มโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย แผนที่ Google กับสตรีทวิว โดยรถยนต์พิเศษของ Google แล้ว  ททท. และ Google ประเทศไทย กำลังเตรียมเปิดแคมเปญพิเศษ สำหรับเมืองไทยโดยเฉพาะ เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวไทยได้มีส่วนร่วมในการเสนอและเลือกสถานที่ท่องเที่ยวในหมวดหมู่ต่าง ๆ เพื่อรวบรวมภาพพาโนรามาของ แผนที่ Google กับสตรีทวิว และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปทั่วโลก
 
นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า “ผมมีความยินดีที่ ททท. ได้ร่วมมือกับ Google อีกครั้ง เพื่อนำเสนอโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย Google แผนที่กับสตรีทวิว ผมเชื่อว่า อินเทอร์เน็ตเป็นแพลตฟอร์มอันทรงพลัง ที่สามารถช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้เป็นอย่างดี  ผลสำเร็จของ Google แผนที่กับสตรีทวิว ในระยะยาว จะเป็นการเผยแพร่เส้นทางสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ และวัฒนธรรมไทยออกสู่สายตาชาวโลก  ซึ่ง ททท. พร้อมเปิดรับเทคโนโลยีและความร่วมมือเช่นนี้เสมอ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน”
 
นางสาวพรทิพย์ กองชุน หัวหน้าฝ่ายการตลาด Google ประเทศไทย กล่าวว่า “ฟีเจอร์ Google แผนที่กับสตรีทวิว จะเป็นอีกแรงสนับสนุนที่สามารถช่วย ททท. ในการส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนทั้งภายในและต่างประเทศด้วยประสบการณ์ใหม่ ๆ กับเมืองไทยที่ Google รู้จักดีและเรียกว่าบ้านได้อย่างสนิทใจให้กับคนทั่วโลก Google แผนที่กับสตรีทวิว มีฟีเจอร์ที่สามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในหลากหลายรูปแบบ เช่น ต่อหน่วยงานด้านการจัดระเบียบผังเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ประชาชนทั่วไปที่ต้องการซื้อบ้าน และนักท่องเที่ยว ฯลฯ ผู้ใช้จะสามารถตรวจสอบร้านอาหารก่อนที่จะเดินทางไปถึง กำหนดแผนการเดินทาง และระบุจุดนัดหมายนอกจากนี้ องค์กรธุรกิจยังสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี สตรีทวิว ด้วยการใส่ Google แผนที่ ไว้บนเว็บไซต์ของตนเองได้โดยตรงโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ส่วนโรงแรมต่าง ๆ สามารถใช้เทคโนโลยีนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงตำแหน่งที่ตั้งใจกลางเมืองที่เดินทางไปถึงได้สะดวก ขณะที่ร้านอาหารจะสามารถเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ธุรกิจของตนให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง Google แผนที่กับสตรีทวิวเป็นอีกตัวอย่างของการคำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลักและทีมเราเฝ้ารอที่จะแบ่งปันภาพถ่ายที่สวยงาม และการประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมให้คนไทยสามารถช่วยเราเลือกที่ตำแหน่งหรือสถานที่จะขับรถไปเก็บภาพต่อไป”
 
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Google แผนที่กับสตรีทวิว รวมถึงแนวทางการใช้ประโยชน์ เพื่อความบันเทิงและธุรกิจ เชิญคลิกไปที่: google.co.th/streetview  

 
                        ขอเชิญเที่ยวงาน “ไหว้จันทรา...รักษาเวิ้งฯ มรดกรัตนโกสินทร์”

                     
        

      ขอเชิญเที่ยวงาน “ไหว้จันทรา...รักษาเวิ้งฯ มรดกรัตนโกสินทร์” เทศกาลชมจันทร์ เคล้าเสียงดนตรี เล่าขานประเพณี ของดีถิ่นเวิ้งฯ
พบกับหลากหลายกิจกรรมดี น่าสนใจภายในงาน อาทิ การจัดประกวดโต๊ะไหว้พระจันทร์แบบดั้งเดิม ประเพณีไหว้สักการะฟ้าดินวัฒนธรรมที่มีมายาวนาน แต่เลือนหายไปตามกาลเวลา,นิทรรศการภาพถ่ายประวัติศาสตร์ของเวิ้งนาครเขษม ยุครัตนโกสินทร์ที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน พร้อมลิ้มรสอาหารต้นตำหรับชาวเวิ้ง ที่หาชิมได้ยาก อีกทั้งการเสวนาวิชาการ ตระการตากับแสดงงิ้วพูดไทย และพิเศษสุดชมการแสดงดนตรีจากศิลปินชื่อดังมากมาย อาทิ วงอีทีซี,วงสินเจริญบราเธอร์ส,หรั่ง ร็อคเคสตร้า,ชมพู-ปิง วงฟรุตตี้ ,วง CU Saxophone Quartet ฯลฯ ร่วมกันดื่มด่ำบรรยากาศของงานที่ประดับประดาไปด้วยโคมไฟทั่วทั้งเวิ้งนาครเขษม
พลาดไม่ได้กับงาน “ไหว้จันทรา...รักษาเวิ้งฯ มรดกรัตนโกสินทร์” เทศกาลชมจันทร์ เคล้าเสียงดนตรี เล่าขานประเพณี ของดีถิ่นเวิ้งฯ วันจันทร์ที่ 12 กันยายน 2554 ที่เวิ้งนาครเขษม เริ่มตั้งแต่เวลา 15.00-22.00 น. 

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554


          

ภูเก็ตเข้ม! วางมาตรการแก้ปัญหานักท่องเที่ยวถูกหลอลวง



  ภูเก็ตเข้ม! วางมาตรการแก้ปัญหานักท่องเที่ยวถูกหลอกลวง         

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 8 กันยายน 2554 ที่ห้องประชุม ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต (หลังใหม่) นายนิวิทย์ อรุณรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะทำงานพิจารณากำหนดมาตรการแก้ไขปัญหานักท่องเที่ยวถูกหลอกลวงในระดับพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 1/2554
จำนวน 37 คน เพื่อรวบรวมข้อมูล สภาพปัญหา วิเคราะห์ปัญหาและพิจารณากำหนดแนวทาง มาตรการแก้ไขในระยะสั้นและระยะยาว โดยบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความคืบหน้าให้หน่วยงานระดับนโยบายรับทราบเป็นระยะๆ ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วม
นอกจากนี้ยังรับทราบผลการดำเนินงานของคณะทำงานการแก้ปัญหานักท่องเที่ยวถูกหลอกลวง เอารัดเอาเปรียบในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ประกอบด้วย คณะทำงานด้านแก้ไขปัญหาระบบการขนส่งผู้โดยสารสาธารณะ คณะทำงานแก้ไขปัญหาการสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้แก่นักท่องเที่ยว คณะทำงานแก้ปัญหาด้านมัคคุเทศก์ และคณะทำงานแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาขยะ ปัญหาน้ำเสียและปัญหาสิ่งปฎิกูล ซึ่งทางจังหวัดภูเก็ตได้มีการจัดตั้งก่อนหน้านี้
ทั้งนี้คณะทำงานด้านแก้ไขปัญหาระบบการขนส่งผู้โดยสารสาธารณะ นายธีรยุทธ์ ผลประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานขนส่งจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะทำงาน 2 ชุด คือ คณะทำงานกำหนดราคาค่าโดยสารรถรับจ้างในเขตเทศบาลเมืองป่าตอง ซึ่งได้มีการประกาศอัตราค่าโดยสารรถสาธารณะในเขตป่าตองและเดินทางไปยังจุดต่างๆ พร้อมทั้งประกาศให้รับทราบโดยทั่วกันกับคณะทำงานแก้ไขปัญหารถผิดกฎหมายในพื้นที่กะตะกะรน ซึ่งได้ข้อยุติในการจัดระบบการรับจ้าง โดยกำหนดพื้นที่จอดรถ คิวรถ และจำนวนรถรับจ้างให้ชัดเจน กำหนดการแต่งกายของผู้ขับรถรับจ้างและกำหนดราคามาตรฐานเดียวกัน พร้อมทั้งให้เทศบาลตำบลกะรนเป็นผู้กำหนดจุดคิวรถและจำนวนรถในแต่ละคิว แต่จากการตรวจสอบปรากฏว่ามีจำนวนรถและคิวเพิ่มขึ้น จึงจะมีการหารือเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 12 กันยายนนี้
นอกจากนี้ยังกำหนดที่จะเปิดเส้นทางสัมปทานเดินรถจากสนามบินภูเก็ตไปยังจุดต่างๆ ทั่วทั้งเกาะภูเก็ต เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นภูเก็ตที่จะเดินทางจากสนามบินไปยังหาดต่างๆ ที่สำคัญ จำนวน 3 เส้นทาง คือ เส้นทางสนามบิน-หาดสุรินทร์-หาดกมลา เส้นทางสนามบิน-ป่าตอง-กะตะกะรน และเส้นทางสนามบิน-ฉลอง-หาดราไวย์ แต่การเปิดเส้นทางเดินรถใหม่ๆที่ผ่านมามักจะประสบปัญหาการประท้วงจากรถรับจ้างและผู้ที่เสียประโยชน์ ทางขนส่งฯ คิดว่าควรจะให้ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้รับสัมปทาน และให้สนามบินพิจารณาจุดจอดรถรับจ้างสาธารณะให้มีความสะดวกต่อผู้โดยสารมากกว่าปัจจุบัน
คณะทำงานด้านปัญหามัคคุเทศก์ นายบัวยัน สุวรรณมณี หัวหน้าสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า คณะทำงานฯได้มีการประชุมหารือถึงปัญหามัคคุเทศก์ที่เกิดขึ้น พบว่าไม่ได้เกิดจากตัวมัคคุเทศก์ แต่เกิดจากบริษัทนำเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเปิดดำเนินการโดยไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของกฎหมาย ดังนั้นในระยะสั้นจะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด แต่จะต้องทำด้วยความนุ่มนวลเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และในระยะยาวจะต้องมีการพัฒนามัคคุเทศก์ให้มีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของบริษัทต่างชาติและจะได้ไม่ใช้เป็นข้ออ้างว่ามัคคุเทศก์ไม่มีศักยภาพ
ส่วนคณะทำงานด้านสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับนักท่องเที่ยวนั้น ได้เข้าไปแก้ไขปัญหาร้านเทเลอร์ที่สร้างความรำคาญให้นักท่องเที่ยวในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ที่ตื้อให้นักท่องเที่ยวซื้อสินค้าและใช้บริการ โดยให้หน่วยงานต่างๆ บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ขณะที่คณะทำงานแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ปัญหาขยะ ปัญหาน้ำเสียและปัญหาสิ่งปฎิกูล ก็ได้มีการประชุมร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการรณรงค์เพื่อสร้างจิตสำนึกในการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง


Tagged with:     

           

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

เที่ยวท่องสองฝั่งโขง อุบลฯ-ปากเซ

                          
 ก้าวเข้าสู่ฤดูหนาวทีไร บรรดานักเที่ยวเป็นต้องหอบหิ้วกระเป๋าพร้อมอุปกรณ์เครื่องกันหนาวครบครัน มุ่งสูดไอเย็นแถบจังหวัดในภาคเหนือ พอถึงหน้าร้อน แน่ล่ะว่าน้ำทะเลใส หาดทรายสวย ย่อมเป็นจุดหมายปลายทางของเหล่านักเที่ยวอย่างแน่นอน ส่วนช่วงหน้าฝนนี้ใครที่ยังไม่รู้จะไปเที่ยวที่ไหนดี น่าจะลองหันมาพิจารณา "จังหวัดอุบลราชธานี"อีสานบ้านเฮากันดูบ้าง...

  อย่างที่ "อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ" ตั้งอยู่ในเขตอำเภอโขงเจียม และอำเภอสิรินธร มีพื้นที่กว่า 50,000ไร่ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เจ้าถิ่น ชาญณรงค์ ปกป้อง เล่าว่า คำว่า "ตะนะ" จากการเล่าขานตามความเชื่อของชาวบ้านว่าเดิมชื่อ "มรณะ" เนื่องจากบริเวณแก่งนี้ มีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก และมีโขดหินใหญ่น้อยระเกะระกะอยู่ทั่วไป ตลอดจนมีถ้ำใต้น้ำอยู่หลายแห่ง ชาวบ้านที่สัญจรทางน้ำหรือออกจับปลาแถวๆ นี้มักประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตอยู่เนืองๆ จนพากันขานนามว่า "แก่งมรณะ" ซึ่งต่อมาก็เพี้ยนเป็น "แก่งตะนะ"

นอกจากนี้ภายในบริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ยังมีสถานที่น่าสนใจอีกหลายจุดด้วยกัน อาทิ ถ้ำพระ, น้ำตกรากไทร, ผารัง, และสะพานแขวนคนเดินข้ามที่ยาวที่สุดในประเทศไทย เป็นต้น

   ชื่นชมธรรมชาติกันอย่างเพลิดเพลินถึงจะยังไม่เต็มอิ่มนัก แต่ด้วยเวลาที่จำกัดเราจำต้องเคลื่อนขบวนต่อไปยังน้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกรู อีกหนึ่งมหัศจรรย์จากการสร้างสรรค์ของธรรมชาติ ที่มีลักษณะพิเศษคือสายน้ำจะตกผ่านเพดานหินสู่เบื้องล่าง มองดูคล้ายแสงของพระจันทร์ บริเวณโดยรอบมีโขดหินเรียงรายและปกคลุมไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ




                             

ในระยะทางไม่ห่างกันนักที่อำเภอโพธิ์ไทย มีแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ซึ่งกำลังเป็นจุดดึงดูดความสนใจจากนักท่องธรรมชาติ "สามพันโบก" ดินแดนแห่งความมหัศจรรย์ริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งถูกเปรียบให้เป็นแกรนด์แคนยอนเมืองไทย ว่ากันว่าธรรมชาติสร้างสรรค์จากเม็ดทรายที่ถูกกระแสน้ำไหลวนกัดเซาะขัดหินจนกลายเป็นหลุมเป็นโพรง และที่สามพันโบกนี่เองก็ยังมีสระมรกต ซึ่งเป็นโบกขนาดใหญ่บนเนินผาหินมีน้ำขังตลอดทั้งปีตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดด้วย

หากยังพอมีเวลาเหลือไม่น่าจะพลาดโอกาสข้ามไปเที่ยวบ้านพี่เมืองน้องอย่างประเทศ "สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว" กันบ้าง เพราะช่วงหน้าฝนเช่นนี้ "น้ำตก" นับเป็นไฮไลท์พิเศษของลาวใต้ก็ว่าได้ โดยเฉพาะ "น้ำตกหลี่ผี" ซึ่งไกด์สาวชาวลาว กิ่งมาลา โลหิดบับพา เล่าให้ฟังถึงที่มาของชื่อชวนขนหัวลุกว่า "หลี่" เป็นภาษาถิ่นหมายถึงเครื่องมือจับปลาชนิดหนึ่งมีลักษณะคล้ายลอบ ส่วนคำว่า "ผี" ก็คือ "ศพหรือคนตาย" เนื่องจากเมื่อครั้งสมัยสงครามอินโดนจีน ศพทหารจะลอยมาติดอยู่ที่บริเวณนี้เป็นจำนวนมาก แค่ฟังจากคำบอกเล่าก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมน้ำตกนี้ช่างน่ากลัวซะเหลือเกิน จวบจนได้เห็นกับตากับตัวความใคร่อยากรู้จึงเริ่มคลีคลายลง เพราะแค่ได้ยินเสียงน้ำกระแทกหินดังสนั่นหวั่นไหวแล้ว และยิ่งเมื่อสายตาปะทะกับสายน้ำที่พุ่งถาโถมเข้ามาราวกับพายุหมุนด้วยแล้ว เชื่อเลยว่าหากผลัดตกลงไป คงได้กลายเป็น "ผี" ที่นี่แน่ๆ

                             

 แล้วไกด์สาวคนเดิมพาเรามุ่งไปสัมผัสความยิ่งใหญ่แบบสุดๆ ของ "น้ำตกคอนพะเพ็ง" ในเขตแม่น้ำโขงตอนใต้ก่อนจะไหลลงสู่ประเทศกัมพูชา ด้วยความสูงประมาณ 10 เมตร แม้ชั้นของหินจะไม่สูงมากแต่กระแสน้ำที่โถมกระหน่ำลงมานั่นแหละทั้งดุดันและเกรี้ยวกราดยิ่งนัก เรียกว่าสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่นักท่องเที่ยวจนได้รับการขนานนามว่าเป็น "ไนแองการาแห่งเอเชีย" ไปเรียบร้อยแล้ว

                                 
  แอ่วเมืองลาวทั้งที สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ การเที่ยวชมศิลปวัฒนธรรม และอีกหนึ่งไฮไลท์ของลาวใต้คงหนีไม่พ้น "ปราสาทวัดพู" ศาสนสถานเก่าแก่ที่ได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ ให้เป็นมรดกโลกแห่งที่ 2 ของประเทศลาว เมื่อปี พ.ศ.2545 จากลักษณะของปราสาทเป็นเทวสถานขอมคล้ายๆ กับ "เขาพระวิหาร" (มรดกเลือดเอ๊ยมรดกโลกที่กำลังสร้างความปวดใจให้ไทย-เขมรอยู่ในขณะนี้นั่นแหละ) สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 5-12 ในอดีตที่ตั้งของ "วัดพู" เคยเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของแหล่งอารยธรรมโบราณถึง 3 สมัย ด้วยกัน คือ อาณาจักรเจนละ, อาณาจักรขอม และอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งได้เปลี่ยนเทวาลัยในศาสนาฮินดู ให้เป็นวัดในพุทธศาสนานิการเถรวาท แต่จากหลักฐานบริเวณโดยรอบปราสาทยังมีแท่นบูชายัญ บันไดนาค ภาพสลักตรีมูรติ เชื่อกันว่าเป็นหลักฐานชิ้นสุดท้ายสมัยขอมเรืองอำนาจให้ได้ชมด้วย ปัจจุบันที่นี่ยังจัดให้มีงานมนัสการวัดพู เป็นประจำทุกปีในวัน 15 ค่ำ เดือน 3 ซึ่งจะตรงกับงานนมัสการพระธาตุพนมของบ้านเราพอดี

           "ไทย-ลาว" มิใช่อื่นไกล พี่ไปเที่ยวบ้านน้อง น้องมาแอ่วเมืองพี่...เช่นนี้แล้วไซร้ท่องเที่ยวไทยครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคักชัวร์

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก